บทความ

กูลโคสคืออะไร?

รูปภาพ
Glucose กลูโคสคืออะไร มีกี่ประเภท กลูโคส ( glucose ) หรือเด็กซ์โทส ( dextrose ) เป็นน้ำตาลพื้นฐานของคาร์โบไฮเดรต และยังเป็นสารตั้งต้นของการผลิตพลังงานที่ใช้ภายในร่างกาย มีลักษณะเป็นของแข็งสีขาว พบมากในผลไม้ที่มีรสหวานอย่างเช่นองุ่น ( grape sugar ) หรือน้ำผึ้ง และเป็นน้ำตาลที่พบในเลือดอีกด้วย หรือที่เรียกกันว่าบลัดชูการ์ ( blood sugar ) ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรีต่อกรัม จุดประสงค์ของการกินกลูโคส กลูโคสเป็นน้ำตาลชนิดที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้เร็วที่สุด ทำให้มีน้ำตาลเพิ่มในเลือดค่อนข้างเร็ว จึงเหมาะกับผู้ที่มีอาการอ่อนเพลียจากการออกกำลังหรือผู้ที่กำลังเป็นไข้ พลังงานที่ได้รับจะช่วยให้ร่างกายมีแรงฟื้นตัวขึ้นมาเร็ว ด้วยการกระตุ้นอินซูลินให้มีการดูดซึมโปรตีนเข้าสู่กล้ามเนื้อ ส่งผลให้เราไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเพลียมากนัก กลูโคสจะให้ความหวานที่ต่ำกว่าน้ำตาลทรายทั่วไป หากต้องการให้ได้รับความหวานเท่ากับน้ำตาลทราย จะต้องเพิ่มปริมาณกลูโคสมากขึ้น จึงจะให้ความหวานที่สามารถเทียบเท่ากันได้ ประกอบกับการเป็นน้ำตาลที่ร่างกายดูดซึมได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่

แก้อาการปวดหลัง - นั่งนานๆแล้วปวดหลัง

รูปภาพ
ออฟฟิศซินโดรม กายภาพบำบัดมีบทบาทสำคัญในการรักษากลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรมที่เกี่ยวข้องกับระบบกล้ามเนื้อและกระดูกตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจนถึงกรณีที่มีอาการมากจนรบกวนชีวิตประจำวันหรือก่อให้เกิดความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว เพื่อฟื้นฟูให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ  นักกายภาพบำบัดยังมีหน้าที่ในการเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยกลับมามีอาการเหล่านี้อีก โดยนักกายภาพบำบัดจะประเมินโครงสร้างร่างกายพร้อมปรับแก้โครงสร้างร่างกายให้เกิดความสมดุลและปกติ รวมถึงให้คำแนะนำในการปรับเปลี่ยนท่าทางระหว่างการทำงาน การปรับสภาพแวดล้อมของเครื่องมือและสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานให้เหมาะสมในแต่ละบุคคล แนะนำการยืดกล้ามเนื้อเพื่อผ่อนคลายในระหว่างการทำงาน รวมทั้งส่งเสริมให้มีการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง พร้อมรับสภาวะการทำงานที่อาจไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับออฟฟิศซินโดรมด้วย สาเหตุของการเกิดออฟฟิศซินโดรม  การนั่งหน้าคอมพิวเตอร์หรือทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยท่าทางซ้ำๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานานมากกว่า 6 ชั่วโม

Active Recovery คืออะไร?

รูปภาพ
Active Recovery คืออะไร ต่างกับการพัก (Rest) อย่างไร การทำ แอคทีฟ รีโคเวอรี่ จะต่างจากการพักผ่อนร่างกายที่ไม่มีการประกอบกิจกรรมเสียเหงื่ออะไรเลย โดยจะเป็นการออกกำลังกายเบาๆ มาก (An easier workout) มีความเข้มข้นน้อยและกินเวลาไม่นาน อย่างเช่น การเดิน Brisk walk ในช่วงวันเว้นการฝึก (ช่วง Day off หรือมองให้ชัดยิ่งขึ้น สำหรับนักวิ่งที่ฝึกฝนเพื่อไปมาราธอน การทำ แอคทีฟ รีโคเวอรี่ อาจจะเป็นการเดินเร็วหรือจ๊อกกิ้งช้าๆ ประโยชน์ของการทำ Active recovery มีอะไรบ้าง การทำ แอคทีฟ รีโคเวอรี่ จะช่วยกระตุ้นระบบเมตาบอลิซึมให้เร่งการฟื้นฟูร่างกายให้เร็วขึ้น ช่วยลดความตรึงเครียดของจิตใจและกล้ามเนื้อ ให้เลือดได้ไหลเวียนนำของเสียและอาหารมาเลี้ยงเซลล์ การฝึกเบาๆ จะช่วยเบริ์นไขมันเพิ่มขึ้นอีกนิดในวันพักสบายๆ และนักวิ่งทั่วไปใช้ทดสอบร่างกายหลังจากพักผ่อนร่างกายจากมาราธอนมาหลายวัน เพื่อดูว่าร่างกายกลับมาสู่สภาพพร้อมที่จะกลับสู่แผนการฝึกต่อไปหรือไม่ 5 วิธี แนะนำ 1. เดิน การเดินเป็นการทำแอคทีฟ รีโคเวอรี่ ที่ง่ายที่สุดและเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บน้อย ช่วยเบริ์นแคลอรี่และลดอาการเครียดของจิตใจได้ดี ปริมาณการเ

วิธีควบคุมอาหารหลังออกกำลังกาย

รูปภาพ
how to stop overeating after a workout หลายคนคิดเข้าข้างตัวเองเสมอว่า การออกกำลังกายที่ผ่านมาได้เผาผลาญพลังงานไปเยอะแล้ว ยังมีห้องว่างให้ร่างกายรับแคลอรี่ได้อีก กินไปเถอะเดียวก็วิ่งเอาออกได้….ทำให้เรามักจะรับประทานอาหารหลังการออกกำลังกาย (รับแคลอรี่) มากกว่าจำนวนที่เราต้องใช้ในการเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อต่างๆ จำนวนของเหลือก็กลายเป็นไขมันสะสมทั่วร่างกาย ที่เห็นชัดที่สุดก็คงเป็นเจ้าห่วงยางรอบเอวที่น่ารัก เรามาดู 5 วิธีเตือนสติตัวเอง ในการควบคุมความหิวหลังการวิ่งกัน 1. ศึกษาแคลอรี่ในอาหารให้ดี  ดูจำนวนแคลอรี่ให้ดี ในโปรแกรมแอพออกกำลังกายต่างๆ จะมีค่าประมาณแคลอรี่ที่ใช้ไป เมื่อจบการวิ่งแล้ว เราจะได้ค่าประมาณจำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญไป เช่น วิ่ง 10K จะใช้พลังงานที่ 700-1000 kcal  ทั้งนี้ค่าแคลอรี่ที่ใช้ไปจะขึ้นอยู่กับเพศ อายุ ลักษณะร่างกาย และแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันไป เมื่อดูจำนวนแคลอรี่ที่ใช้ไปแล้วก็ต้องรู้จักนำมาเปรียบเทียบกับจำนวนแคลอรี่ที่อาหารแต่ละมื้อให้กับเราด้วย เพราะอาหารแต่ละประเภทมีจำนวนแคลอรี่ต่างกัน อย่างเช่น ข้าวขาหมูให้พลังงาน 690 kcal ข้าวไข่เจียว 445 kcal และ

หลักการกินอาหารที่ดี ด้วยกฎ 80/20

รูปภาพ
หลายคนคงเคยได้ยินกฎการกินสู่หนทางรูปร่างที่ดีอย่างกฏ 80/20 มาบ้างแล้ว ที่บอกไว้ว่า 80% สำหรับการกินแบบเคร่งครัด ส่วน 20 % ที่เหลือนั้นสำหรับตามใจตัวเอง ซึ่งเป็นกฎง่ายๆ แต่ยังมีหลายคนที่ยังมีความเข้าใจผิดๆ และยังใช้กฎนี้อย่างไม่ถูกต้อง โพสนี้เราขอหยิบยกเอาเรื่องกฎ 80/20 มาขยายความใหม่ เพราะกฎนี้ไม่ใช่หนทางสู่รูปร่างที่ดีเพียงเท่านั้น แต่ยังถือเป็นไลฟ์สไตล์สำหรับทุกคนที่อยากรูปร่างดีไปพร้อมสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนด้วย ในคนที่ดูแลเรื่องรูปร่างของตัวเองหลายคนที่ใช้วิธีการจำกัดอาหารแบบไม่ถูกต้อง การนำเอากฎ 80/20 มาปรับใช้นั้นเป็นทางออกที่ดีสำหรับดูแลรูปร่างอย่างสมดุลและมีความพอดี เพราะกฎนี้จะทำให้คุณสนุกกับการรับประทานอาหารแบบไม่กดดันตัวเอง แถมยังมีที่ว่างให้ได้ชิมของอร่อยกับเพื่อนๆ ได้อีกด้วย 80% แรกคือการโฟกัสไปที่การรับประทานอาหารคลีน ส่วน 20% ที่เหลือคือการรับประทานตามใจล้วนๆ อย่ากังวลกับเรื่องตัวเลข ลองดูตัวอย่างที่เข้าใจง่ายๆ เช่น หากคุณรับประทานอาหารวันละ 3 มื้อ ในหนึ่งสัปดาห์ ให้ 3 มื้อ 1 วันของคุณเป็น cheat meals ที่คุณจะได้อิ่มอร่อยกับของที่ชอบ แต่หากคุณรับประทานมื้อเล็กๆ 5 มื

น้ำผึ้งผสมมะนาวกับ 7 สรรพคุณเด็ด

รูปภาพ
Honey lemon drink น้ำผึ้งผสมมะนาว เครื่องดื่มที่ทุกคนรู้กันดีว่าสามารถแก้เจ็บคอได้ และนักร้องที่ต้องการความมั่นใจก่อนการขึ้นแสดงก็มักจะเลือกน้ำผึ้งผสมมะนาวอุ่น ๆ แต่ก่อนที่เราจะเชื่อไปตาม ๆ กัน Healthy is a Trend อยากให้ทุกคนได้รู้ถึงสรรพคุณ และข้อเท็จจริง ของเจ้าน้ำผึ้งผสมมะนาวนี่กันก่อน 1. แก้ไอ ในน้ำมะนาวมีวิตามินซีและ กรดซิตริกอยู่มาก ซึ่งกรดซิกตริกมีฤทธิ์สามารถช่วยลดไข้  บรรเทาอาการกระหายน้ำ และช่วยให้ลำคอชุ่มชื้น และเมื่อมาอยู่ในรูปแบบน้ำผึ้งผสมมะนาวด้วยแล้ว ก็สามารถแก้อาการไอได้ไม่ยากเลย เพราะในน้ำผึ้งก็มีฤทธิ์คล้ายยาปฏิชีวนะช่วยกำจัดเชื้อไวรัสที่ทำให้เราไอ 2. แก้เจ็บคอ ใครมีอาการเจ็บคอแน่นอนต้องใช้ตัวช่วยอย่าง น้ำผึ้งผสมมะนาวอุ่น ๆ สักแก้วแล้วฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสของน้ำผึ้ง และกรดซิตริกของน้ำมะนาวจะทำให้คุณหายเจ็บคอแน่นอน 3.ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร น้ำมะนาวมีสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องอืด  ท้องเฟ้อ และน้ำผึ้งมีส่วนประกอบจากโพรไบโอติกช่วยปรับสมดุลการทำงานของลำไส้ และด้วยความที่มีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะชนิดเบา น้ำผึ้งจึงช่วยจำจัดแบคทีเรียในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาห

โทษของการดื่มกาแฟ

รูปภาพ
Disadvantages of Coffee ในร้านกาแฟมีการโปรโมทสรรพคุณของกับกาแฟไว้มากมาย ซึ่งคงไม่มีร้านกาแฟร้านไหนนำเสนอถึงโทษของกาแฟ ถึงแม้จะมีวีธีที่ดื่มกาแฟให้มีประโยชน์ที่สุด และโทษน้อยที่สุด แต่ก็ยังมีโทษของกาแฟอยู่วันนี้เราจึงมาบอกเล่าถึงกับโทษของการดื่มกาแฟที่ความนิยมอยู่ทั่วโลกกัน หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ เต้นไม่เป็นจังหวะ เนื่องจากกาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น นานถึง 12 ชั่วโมง คนที่มีภาวะเครียด ร่างกายจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีก นอนไม่หลับ เพราะคาเฟอีนปริมาณหนึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้นอนหลับยาก หลับไม่สนิท ร่างกายไม่สามารถพักผ่อนได้เต็มที่ เร่งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร กาเฟอีนมีฤทธิ์ไปกระตุ้นการหลั่งกรดเพปซิน (pepsin) และแกสตริน (gastrin) อาจทำให้โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้รุนแรงขึ้นได้ มีสารเสพติด ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ หากหยุดดื่มกะทันหันจะทำให้มีอาการปวดศีรษะ กระสับกระส่าย ร่างกายอ่อนเพลีย และง่วงนอน เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุน  เนื่องจากกาแฟมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ โดยไปลดการดูดกลับของโซเด