ริมฝีปากชุ่มชื้นด้วยตัวคุณเอง
ใบหน้าเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนต้องพบเห็น ใบหน้าช่วยสร้างเสน่ห์ให้กับคนเรา ทุกส่วนบนใบหน้าล้วนมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันในการสร้างเสน่ห์ รวมถึงริมฝีปากของเราด้วย ริมฝีปากมีลักษณะอ่อนนุ่มสามารถเคลื่อนไหวเพื่อทำหน้าที่ในการรับอาหารและใช้ในเปล่งเสียงเพื่อสื่อสารออกมาเป็นคำพูดนอกจากนั้นริมฝีปากของเรายังเป็นอวัยวะที่สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของร่างกายได้อีกด้วยนั่นคือริมฝีปากของผู้ที่มีสุขภาพดีจะมีริมฝีปากที่แลดูฉ่ำน้ำ เปล่งปลั่งและมีสีชมพูอ่อนจนถึงสีแดงคล้ำ โดยผู้ที่มีสีผิวเข้มจะมีริมฝีปากสีแดงคล้ำ ส่วนผู้ที่มีผิวขาวจะมีริมฝีปากสีชมพู
ซึ่งริมฝีปากเป็นผิวหนังแต่ไม่เหมือนผิวหนังส่วนอื่นๆ เนื่องจากริมฝีปากไม่มีต่อมน้ำมันที่จะทำให้ปากชุ่มชื้น เหมือนกับส่วนอื่นของร่างกายแต่น้ำลายจะสร้างความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากนั้นเอง แต่ด้วยความที่ว่าริมฝีปากเราต้องสัมผัสกับสิ่งต่างๆตลอดเวลา ทั้งอากาศ อาหาร แสงแดด สายลม และสิ่งเหล่านี้เป็นตัวการทำให้ริมฝีปากเราเกิดความผิดปกติขึ้นเนื่องจากสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ต่อมน้ำลายหลั่งน้ำลายได้น้อยลง ผลก็คือปากแตกเป็นขุย หรือปากคล้ำเรามาดูกันดีกว่าว่าสาเหตุที่ทำให้ต่อมน้ำลายเราผลิตน้ำได้น้อยเกิดจากอะไรกันบ้างและจะแก้ไข้ได้อย่างไร
สาเหตุที่ทำให้การทำงานของต่อมน้ำลายผิดปกติ
1.ร่างกายขาดน้ำ
ถ้าร่างกายได้รับน้ำในปริมาณที่น้อยกว่าปริมาณน้ำที่สูญเสียไป ร่างกายจะเกิดภาวะขาดน้ำ ทำให้ริมฝีปากแห้ง
ถ้าร่างกายได้รับน้ำในปริมาณที่น้อยกว่าปริมาณน้ำที่สูญเสียไป ร่างกายจะเกิดภาวะขาดน้ำ ทำให้ริมฝีปากแห้ง
2.สภาพสิ่งแวดล้อม
ช่วงฤดูร้อน ที่มีอุณหภูมิสูง ร่างกายต้องทำการขับเหงื่อออกมาเพื่อรักษาอุณหภูมิภายในร่างกายให้คงที และในฤดูหนาว อากาศมีความชื่นน้อย ทำให้ความชื้นในร่างกายระเหยออกมาสู่ภายนอก เมื่อร่างกายสูญเสียความชื้นและน้ำในปริมาณสูงทำให้ริมฝีปากสูญเสียความชุ่มชื้นออกมามากกว่าปกติ
ช่วงฤดูร้อน ที่มีอุณหภูมิสูง ร่างกายต้องทำการขับเหงื่อออกมาเพื่อรักษาอุณหภูมิภายในร่างกายให้คงที และในฤดูหนาว อากาศมีความชื่นน้อย ทำให้ความชื้นในร่างกายระเหยออกมาสู่ภายนอก เมื่อร่างกายสูญเสียความชื้นและน้ำในปริมาณสูงทำให้ริมฝีปากสูญเสียความชุ่มชื้นออกมามากกว่าปกติ
3.การเลียริมฝีปาก
เมื่อน้ำลายมาอยู่บนริมฝีปากเอนไซม์ดังกล่าวก็จะทำการปฏิกิริยากับออกซิเจนและโปรตีนที่อยู่ในริมฝีปากทำให้ริมฝีปากแห้ง
เมื่อน้ำลายมาอยู่บนริมฝีปากเอนไซม์ดังกล่าวก็จะทำการปฏิกิริยากับออกซิเจนและโปรตีนที่อยู่ในริมฝีปากทำให้ริมฝีปากแห้ง
4.การสูบบุหรี่
บุหรี่ประกอบด้วยสารที่เป็นพิษอยู่หลายชนิด ซึ่งสารดังกล่าวจะส่งผลให้การทำงานของต่อมน้ำลายเกิดความผิดปกติ ทำให้มีการผลิตน้ำลายออกมาได้น้อยลงจึงส่งผลให้เกิดอาการปากแห้งได้
บุหรี่ประกอบด้วยสารที่เป็นพิษอยู่หลายชนิด ซึ่งสารดังกล่าวจะส่งผลให้การทำงานของต่อมน้ำลายเกิดความผิดปกติ ทำให้มีการผลิตน้ำลายออกมาได้น้อยลงจึงส่งผลให้เกิดอาการปากแห้งได้
5.การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เมื่อร่างกายได้รับแอลกอฮอล์เข้าไป ร่างกายจะต้องทำการขับออกจากร่างกายเพื่อรักษาสมดุลความเป็นกรด-ด่างของร่างกายให้สมดุล ซึ่งการขับแอลกอฮอล์ที่เข้าสู่ร่างกายจะต้องใช้น้ำเป็นตัวช่วย โดยการขับจะขับอยู่ในรูปของเหงื่อ ปัสสาวะ ดังนั้นเมื่อมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากและไม่มีการดื่มน้ำเปล่าเลย ร่างกายจะเกิดภาวะขาดน้ำทำให้เกิดริมฝีปากแห้งได้
เมื่อร่างกายได้รับแอลกอฮอล์เข้าไป ร่างกายจะต้องทำการขับออกจากร่างกายเพื่อรักษาสมดุลความเป็นกรด-ด่างของร่างกายให้สมดุล ซึ่งการขับแอลกอฮอล์ที่เข้าสู่ร่างกายจะต้องใช้น้ำเป็นตัวช่วย โดยการขับจะขับอยู่ในรูปของเหงื่อ ปัสสาวะ ดังนั้นเมื่อมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากและไม่มีการดื่มน้ำเปล่าเลย ร่างกายจะเกิดภาวะขาดน้ำทำให้เกิดริมฝีปากแห้งได้
6.ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง
เมื่อเราดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากจะให้ร่างกายปัสสาวะบ่อย จึงทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกิดภาวะริมฝีปากแห้งได้
เมื่อเราดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากจะให้ร่างกายปัสสาวะบ่อย จึงทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกิดภาวะริมฝีปากแห้งได้
7.การใช้ยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปากที่มีฤทธิ์รุนแรง
ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่ใช้อยู่ทั่วไปจะมีส่วนของฟลูออไรด์ แอลกอฮอล์และสารเคมีผสมอยู่ เช่น สารที่ทำให้เกิดฟอง สารที่ทำให้เกิดรสชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้ามีปริมาณที่สูงหรือร่างกายเกิดอาการแพ้แล้ว จะทำให้ผิวหนังบริเวณ เกิดอาการแพ้ ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณริมฝีปากเกิดภาวะแห้งได้
ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่ใช้อยู่ทั่วไปจะมีส่วนของฟลูออไรด์ แอลกอฮอล์และสารเคมีผสมอยู่ เช่น สารที่ทำให้เกิดฟอง สารที่ทำให้เกิดรสชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้ามีปริมาณที่สูงหรือร่างกายเกิดอาการแพ้แล้ว จะทำให้ผิวหนังบริเวณ เกิดอาการแพ้ ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณริมฝีปากเกิดภาวะแห้งได้
8.แพ้เครื่องสำอาง
ลิปสติกที่ใช้มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด บางชนิดมีส่วนผสมของสารเคมีที่ไม่เหมาะสมกับริมฝีปาก ทำให้ริมฝีปากเกิดอาการแพ้จนริมฝีปากแห้ง แตกและลอกเป็นขุยได้
ลิปสติกที่ใช้มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด บางชนิดมีส่วนผสมของสารเคมีที่ไม่เหมาะสมกับริมฝีปาก ทำให้ริมฝีปากเกิดอาการแพ้จนริมฝีปากแห้ง แตกและลอกเป็นขุยได้
9.ผลข้างเคียงจากการใช้ยา
การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ลดน้ำมูกในกลุ่มแอนตี้ฮีสตามีน ( Antihistamines ) ยาแก้ปวด ยาขับปัสสาวะ ยาลดความดันโลหิต ยารักษาโรคซึมเศร้ากลุ่มไตรไซคลิก ( Tricyclic Antidepressants )
การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ลดน้ำมูกในกลุ่มแอนตี้ฮีสตามีน ( Antihistamines ) ยาแก้ปวด ยาขับปัสสาวะ ยาลดความดันโลหิต ยารักษาโรคซึมเศร้ากลุ่มไตรไซคลิก ( Tricyclic Antidepressants )
10.โรคประจำตัว
โรคบางชนิดที่เกิดขึ้นสามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของต่อมน้ำลายในการผลิตน้ำลายทำให้มีการผลิตน้ำลายออกมาได้น้อยลงจึงทำให้ริมฝีปากแห้งได้ เช่น โรคเบาหวาน ( Diabetes ) โรคหลอดเลือดในสมอง โรคพาร์กินสัน ( Parkinson’s disease )
โรคบางชนิดที่เกิดขึ้นสามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของต่อมน้ำลายในการผลิตน้ำลายทำให้มีการผลิตน้ำลายออกมาได้น้อยลงจึงทำให้ริมฝีปากแห้งได้ เช่น โรคเบาหวาน ( Diabetes ) โรคหลอดเลือดในสมอง โรคพาร์กินสัน ( Parkinson’s disease )
การรักษาให้ริมฝีปากชุ่มชื้น
1.ดื่มน้ำให้เพียงพอน้ำที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย คือ น้ำเปล่าสะอาดที่มีอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนหรือเย็นกว่าอุณหภูมิทั่วไป และการดื่มน้ำเปล่านั้นจะต้องดื่มอย่างถูกวิธีด้วย
*ปริมาณน้ำที่ต้องการต่อวัน = น้ำหนักตัว ( กิโลกรัม ) / 2 x 2.2 x 30 หน่วยเป็นมิลลิลิตร
2.ลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
เมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากเกิดภาวะแห้งหรือรู้สึกกระหายน้ำ ไม่ควรดับความกระหายด้วยการดื่มเครื่องดื่มที่มีการปรุงแต่งกลิ่น สี รสหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์
3.ทาครีมบำรุงริมฝีปาก
เมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากแห้งเกิดขึ้นให้ทาครีมบำรุงที่ออกแบบมาเพื่อรักษาและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากโดยเฉพาะ เช่น ลิปบาล์ม ( Lip balm ) ออยล์ ( Oil ) น้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติ ( Natural Oils ) ปิโตรเลียมเจล ( Petroleum jelly ) ขี้ผึ้ง ( Beeswax ) เป็นประจำทุกวัน
4.หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ทำให้ริมฝีปากแห้ง
ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีลมพักแรงและแสงแดดจัด เพราะทั้งสองอย่างนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ริมฝีปากแห้ง ยิ่งสายลมและแสงแดดในช่วงฤดูหนาวที่อากาศมีความชื้นน้อยมาก
5.การรับประทานอาหาร
ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีวิตามินบีและวิตามินเอที่มีส่วนในการเสริมสร้างเคราติน ( Keratin ) ช่วยในการลดอันตรายจากรังสีอัลตราไวโอเลตที่อยู่ในแสงแดดและช่วยลดการการระเหยของน้ำจากผิวหนังที่บริเวณริมฝีปาก
6.เปลี่ยนยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก
ควรเลือกใช้ยาสีฟันมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ในสัดส่วน 1,350 -1,500 ppm และควรเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ผสมอยู่ เพื่อลดการสูญเสียความชุมชื้นของริมฝีปาก เนื่องจากการได้รับปริมาณฟลูออไรด์และแอลกอฮอล์ที่บริเวณริมฝีปากที่มากเกินไป
เป็นไงกันบ้างสำหรับข้อมูลที่ช่วยในการรักษาริมฝีปากของคุณให้ดูสุขภาพและชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา
เพราะนอกจากจะสามารถทำให้ริมฝีปากสุขภาพดีแล้วยังมีผลพวงต่างๆตามมาอีกด้วย เพราะการดื่มน้ำให้เพียงพอยังช่วยทำให้ไม่ปวดหัวหรือท้องผูกหรือทำให้ผิวพรรณดีอีกต่างหาก สำหรับหนุ่มสาวชาวออฟฟิศที่อ่านบทความนี้แล้วอาจจะหันมาดื่มน้ำมาขึ้น แต่การขยับเขยื้อนบ่อย ๆ ของชาวออฟฟิศก็เป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการเป็น office syndrome หรือสำหรับใครบางคนที่อาจใช้วิธีการฝั่งเข็มแทนก็อาจทดแทนได้
ครั้งหน้า Healthy is a Trend จะเอา Trend สุขภาพเรื่องอะไรมาบอกรอติดตามได้เลย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
amprohealth.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น